วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เรื่องกวนๆ

ตามหลักคณิตศาสตร์ ตรรกศาสตร์ วิทยาศาสตร์ พันธุกรรมศาสตร์...
พบว่าอัตราส่วนของโครโมโซม x( ผู้หญิง) และโครโมโซม y( ผู้ชาย)
มีอัตราส่วนเท่ากับ 4 ต่อ 1 คือโอกาสที่ผู้ชายจะเกิดมา 1 คนเท่ากับอัตราส่วนการเกิดของหญิง 4 คน
จะได้ว่าอัตราส่วนชาย:หญิง= 1:4
คิดง่ายๆก็คือชาย 1 คนจะมีแฟนได้ 4 คน ........

แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น
เพราะ 1 ใน 4 ของผู้ชายจะเป็นกะเทย
อีก 1 ใน 4 ของผู้ชายจะเป็นเกย์
อีก 1 ใน 4 ของผู้ชายจะเป็นคนรักเดียวใจเดียว
และ อีก 1 ใน 4 ของผู้ชายจะเป็นคนเจ้าชู้
ดังนั้นผู้ชายเจ้าชู้จะมีแฟนได้ =
4 คน(จากส่วนของตัวเอง)
+4 คน(จากส่วนที่มันเป็นเกย์)
+3 คน(จากส่วนที่เหลือของผู้ชายรักเดียวใจเดียว)
และ + 4 คน(จากส่วนที่มันเป็นกะเทย)

= 4+4+3+4=15 คน ผู้ชายเจ้าชู้จะมีแฟนได้ 15 คน

ด้วยเหตุผลที่เกิดจากจำนวนผู้หญิงมากกว่าชาย
และความไม่ปกติของผู้ชายด้วยกันเอง

ดังนั้นหากสาวๆจับได้ว่าแฟนตัวเองมีแฟนอีก 3 คน จึงถือเป็นเรื่องปกติ ควรปรองดองกันไว้

นั่นตัวอะไร?

                                                                                 วันนี้คุณได้ทำอะไรดีๆ ให้ท่านเหล่านั้นหรือยัง?
               
ชายแก่เลยวัย 70 คนหนึ่งคุยกับลูกชายที่เพิ่งกลับมาเยี่ยม หลังจากแต่งงานย้ายครอบครัวออกไปไม่กี่ปี

ชายแก่ : แจ๊ค (ชื่อลูกชาย) นั่นอะไรลูก? พ่อเห็นลางๆ
แจ๊ค : อ๋อ วัวน่ะพ่อ

เวลาผ่านไป 2-3 นาที
ชายแก่ : แจ๊ค นั่นอะไรลูก?
แจ๊ค : วัวตัวเดิมนั่นแหละพ่อ ยังไม่ไปไหนเลย

ผ่านไปอีก 2-3 นาที
ชายแก่ : แจ๊ค นั่นอะไรอีกล่ะลูก?
แจ๊ค : (เริ่มมีอารมณ์หงุดหงิด) วัวพ่อวัว !! วัวตัวเดิมที่เพิ่งถามนั่นแหละ

เวลาผ่านไปอีก 2-3 นาที
ชายแก่ : แจ๊ค นั่นอะไรลูก?
แจ๊ค : (เริ่มทนไม่ไหว) เอ๊ะ !! พ่อนี่ยังไงนะ ถามซ้ำๆ ซากๆ อยู่ได้ ผมจะบอกครั้งสุดท้าย แล้วนะว่า วัว...!!

ผ่านไปอีก 2-3 นาที
ชายแก่ : แจ๊ค นั่นอะไรน่ะลูก?
แจ๊ค : โอ๊ย !!! พ่อเลอะเลือนแล้ว คุยกันไม่รู้เรื่อง ผมไม่คุยกับพ่อแล้ว

          แล้วแจ๊คก็ผละจากพ่อไปอย่างอารมณ์เสียเป็นที่สุด เวลาผ่านไป จวบจนตอนเย็น ได้เวลาอาหารค่ำ เมื่อไม่เห็นผู้ เป็นพ่อลงมา แจ๊คจึงเดินขึ้นไปตามที่ห้อง ณ ที่นั่น เขาได้พบชายแก่นั่งเหม่อลอย ข้างๆ มีไดอารีเก่าๆ เล่มหนึ่งที่เพิ่ง เขียนบันทึกในวันนี้เสร็จ แจ๊คถือวิสาสะเข้าไปอ่าน ความว่า...

          ครั้งหนึ่งเมื่อ 40 กว่าปีก่อนมาแล้ว เรามีลูกชายคนหนึ่งที่เรารักมากที่สุด เราตั้งชื่อเค้าเองว่า...แจ๊ค ในวันที่ อากาศแจ่มใสวันหนึ่ง เราพาแจ๊คออกไปเดินเล่น ตอนนั้นแจ๊คกำลังพูดได้เก่งทีเดียว เราพาเค้าไปนั่งที่สวนหลังบ้าน พอดีมีวัวผ่านมา... แจ๊คถามเราว่า พ่อ นั่นอะไร...วัวไงลูก เราตอบ เวลาผ่านไป อีกไม่ถึงนาที แจ๊คก็ถามคำถามเดิมเรา อีก เราก็ตอบเช่นเดิมอีก เป็นอย่างนี้อยู่ถึง 25 ครั้ง ....เราไม่เคยเบื่อหน่ายเลยที่จะตอบคำถามเดิมๆ เหล่านั้น เรากลับ รู้สึกดีใจอย่างที่สุดที่ลูกสนใจเราอย่างไม่เบื่อหน่าย...

          แต่ในวันนี้ ณ ที่แห่งเดิม คน 2 คน ที่เคยถามคำถามเดียวกัน หากแต่ว่าเราเป็นฝ่ายถาม แจ๊คเป็นฝ่ายตอบ... เพียง 5 ครั้งเท่านั้น ลูกก็ตวาดเสียงดังใส่เรา หาว่าเราเลอะเลือน รังเกียจแม้แต่จะคุยกับเราต่อไป...

           เมื่ออ่านจบแจ๊ครู้สึกผิดขึ้นมาจับใจ พ่อเลี้ยงเขามาอย่างดี แต่วันนี้สิ่งที่เขาทำให้ท่านคือ การตวาดเสียงดัง ไม่ พูดด้วยแล้วก็เดินหนีไป เขาตระหนักว่า เขาได้ทำสิ่งผิดพลาดซึ่งเขาเองแทบไม่รู้ตัว
แล้วคุณล่ะ วันนี้คุณได้ทำอะไรดีๆ ให้ท่านเหล่านั้นหรือยัง?...

ใจตรงกันไหมนะ ???

http://www.youtube.com/watch?v=9qAqABdMA-M
http://www.youtube.com/watch?v=zu_QyaGuBmw
http://www.youtube.com/watch?v=7DEGzMAoSl4
http://www.youtube.com/watch?v=xOBZqnSOOXA
http://www.youtube.com/watch?v=yKKGRgKN2I8&feature=related
http://www.youtube.com/watch?v=T0JqezeBN_U
<object style="height: 390px; width: 640px"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/T0JqezeBN_U?version=3"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowScriptAccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/T0JqezeBN_U?version=3" type="application/x-shockwave-flash" allowfullscreen="true" allowScriptAccess="always" width="640" height="390"></object>

วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ยังจำได้ไหม

http://video.mthai.com/player.php?id=14M1172296985M0
http://www.gotoknow.org/blog/metalmad/267424

อยากให้ลองฟัง

Bent :Matchbox 20
If I fall along the way     หากฉันล้มลงกลางทาง
Pick me up and dust me off     โปรดดึงฉันขึ้นและช่วยปัดฝุ่นให้ที
And if I get too tired to make it      และหากฉันอ่อนล้าเกินไำปที่จะสู้ต่อ
Be my breath so I can walk     โปรดเป็นลมหายใจให้ฉันก้าวต่อไป
If I need some other love     หากฉังยังต้องการความรักจากที่อื่น
Give me more than I can stand     โปรดให้ความรักฉันเพิ่มอีกให้มากกว่าที่ฉันมี
And when my smile gets old and faded     และเมื่อรอยยิ้มฉันเริ่มเก่าและจางหาย
Wait around I'll smile again    โปรดรอสักหน่อย แล้วฉันจะยิ้มอีกครั้ง
Shouldn't be so complicated      โปรดอย่าทำให้มันซับซ้อนยุ่งยาก
Just hold me and then    ก็แค่กอดฉันไว้และ
Just hold me again    แค่กอดฉันไว้อีกครั้ง
Can you help me I'm bent    โปรดช่วยฉันได้มั้ยฉันกำลังอยู่ในช่วงหัวเหลียวหัวต่อ (นอกลู่นอกทาง)
I'm so scared that I'll never    ฉันกลัวเหลือเกินว่าจะไม่มีโอกาส
Get put back together    ทำให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก
You're breaking me in   เธอกำลังจะทำให้เราขาดจากกัน
And this is how we will end   และนี่กำลังจะเป็นจุดจบ
With you and me bent   ของเราทั้งสองคน อยู่ในช่วงหัวเหลียวหัวต่อ
If I couldn't sleep could you sleep    หากฉันข่มตาหลับไม่ลง เธอจะหลับลงหรือ
Could you paint me better off    เธอช่วยแต่งแต้มสิ่งดีๆให้ฉันได้ไหม
Could you sympathize with my needs    โปรดช่วยปลอบโยนฉันด้วยการช่วยทำตามใจฉันหน่อย
I know you think I need a lot   ชั้นรู้ดี เธอคิดว่าฉันร้องขอมากมายเหลือเกิน
I started out clean but I'm jaded    ฉันเองก็เริ่มต้นพยายามทำใจ แต่ฉันเหนื่อยเหลือเกิน
Just phoning it in   แค่โทรมา
Just breaking the skin    แค่้ทำลายกำแพงนี้
Start bending me    โปรดผูกฉันที
It's never enough    มันไม่เคยพอ
I feel all your pieces    ฉันยังคงรู้สึกได้ถึงทุก ๆ สิ่งในความเป็นเธอ
Start bending me   โปรดช่วยผูกฉันเอาไว้
Keep bending me until I'm completely broken in    ช่วยผูกให้อยู่ในกรอบจนกว่าความสับสนของฉันจะแตกสลายไป

How deep is your love : The Bee Gees
คำที่สำคัญ
ิbent = ความถนัด,ตั้งใจ,มุ่งหมาย...ยัึงหมายถึง งอ,โค้ง หัวโค้ง ในเพลงหมายถึงความรักกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ว่าจะไปทางไหนดี (เอาไงดี)
Can you help me I'm bent = แปลตรงตัวก็คือ ช่วยฉันหน่อยฉันกำลังงอ ก็คือช่วยทำให้ตรง หมายความว่าตอนนี้ฉันออกนอกลู่นอกทาง เธอช่วยทำให้ฉันดีขึ้นมาเหมือนเดิมได้มั้ย (bent เป็นกริยาช่องที่ 3 ของ bend)
bend = เงื้อน, ผูกเงื้อน...ยังหมายถึง งอ,โค้ง หัวโคง Start bending me โปรดผูกให้ฉันอยู่ในกรอบ...complicated = จุกจิก,ทำให้ยุ่ง


I know your eyes in the morning sun  ฉันเห็นดวงตาเธอในแสงตะวันยามเช้า
I feel you touch me in the pouring rain  ฉันได้รู้สึกถึงสัมผัสของเธอเหมือนสายฝนโปรย
And the moment that you wander far from me และในเวลาเดียวกันที่เธออยู่ห่างจากฉัน
I wanna feel you in my arms again  ฉันก็อยากให้มีเธอในอ้อมกอดของฉันอีกครั้ง
And you come to me on a summer breeze  และเธอมาหาฉันในสายลมแห่งฤดูน้อน
Keep me warm in your loveThen you softly leave ทำให้ฉันอุ่นอยู่ในรักของเธอแล้วเธอก็จากไปอย่างนุ่มนวล
And it's me you need to show How deep is your love?
แสดงให้ฉันเห็นหน่อยเถอะ ว่าควมรักของเธอนั้นลึกสักเท่าใด
How deep is your love ความรักของเธอลึกสักเท่าไร
I really need to learn ฉันอยากเรียนรู้จริง ๆ
'Cause we're living in a world of fools เพราะเราก็ต้องอยู่ในโลกของคนเขลา
Breakin’ us down ที่จะทำลายเราให้ย่ำแย่
When they all should let us be ในขณะที่ควรจะปล่อยให้เราดำเนินไปเอง
We belong to you and me เราเป็นของกันและกัน
I believe in you ฉันเชื่อมั่นในตัวเธอ
You know the door to my very soul เธอรู้จักประตูสู่ตัวตันของฉัน
You're the light in my deepest, darkest hour เธอคือแสงสว่างอันโมงยามของฉัีนยามที่มืดมิด
You're my saviour when I fall เธอคือผู้ช่วยเหลือยามฉันล้มลง
And you may not think I care for you เธออาจคิดว่าฉันไม่ได้เอาใจใส่เธอนัก
When you know down inside  เืืมือเธอมองเห็นภายใน
That I really do ขอจงได้แสดงให้ฉันได้รู้
And it's me you need to show ก็จะงแสดงให้ฉันได้รับรู้ด้วยเถอะ

When You Say Nothing At All :Ronan Keating
It's amazing น่าทึ่งมากนะ
How you can speak  ที่เธอสามารถพูด
Right to my heart  สื่อกับใจฉันได้
Without saying a word,  โดยที่ไม่ได้เอื่อนเอ่ยคำใดเลย
You can light up the dark  เธอเป็นแสงไฟขับไล่ความมืด
Try as I may  แม้ว่าฉันจะพยายามอธิบายอย่างไร
I could never explain  ก็ไม่มีวันอธิบายได้
What I hear when  สิ่งที่ฉันได้ยินก็คือ ยามที่ซึ่ง
You don't say a thing เธอไ่ม่ได้เอ่ยเอื้อนคำใด
The smile on your face รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอนั้น
Lets me know ทำให้ฉันรู้ว่า
That you need me เธอขาดฉันไม่ได้
There's a truth ความจริง
In your eyes ปรากฏอยู่ในดวงตาคู่นั้น
Saying you'll never leave me ดวงตาเธอบอกว่า เธอไม่มีวันทิ้งฉันไปหรอก
The touch of your hand says การสัมผัสของเธอมันบอกได้ว่า
You'll catch me เธอจะจับฉันไว้
Whenever I fall ยามที่ฉันล้มลง
You say it best เธอบอกฉันได้อย่างดีที่สุดแล้ว
When you say ในยามที่เธอไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใด
Nothing at all เพราะสายตาของเธอบอกฉันแล้ว
All day long วันทั้งวัน
I can hear people ฉันได้ยินผู้คน
Talking out loud พูดกับเซ็งแซ่
But when you hold me near แต่เมื่อเธอโอบกอดฉันไว้ใกล้ ๆ
You drown out the crowd เสียงผู้คนเหล่านั้นก็มลายหายไป
(The crowd)
Try as they may แม้พวกเขาจะพยายามอย่างไร
They could never define ก็ไม่มีวันที่จะได้คำนิยาม
What's been said สิ่งที่ได้พูดออกไป
Between your heart and mine ระหว่างใจของสองเราได้


คุณเคยเชื่อหรือเปล่าครับว่านัยน์ตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ
การที่ไม่พูดอะไรเลย ก็สามารถแสดงความรักความห่วงหาอาทรได้
ไม่เืชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะคนสมัยก่อนเขาไม่มาส่งเสียงปิดปิ้ว กรี๊ดกร๊าด
เหมือนคนสมัยนี้ หากชอบใคร รักใคร โกรธใครขึ้นมา เดี๋ยวนี้คนเรา
มักจะแผดเสียง เมื่อมีอารมณ์ ไม่ว่าดีหรือร้าย เรารับเอาอารมณ์ของ
พวกฝรั่งเขามา แต่ก็มีฝรั่งอีกกลุ่มหนึ่่งชอบใช้สายตาเพื่อบอกความในใจ
เหมือนสังคมไทย ญี่ปุ่นสมัยก่อน ดังในเนื้อเพลงนี้



 Wall in Your Heart :Shelby Lynne
I fill your pain  ฉันรู้สึกถึงความเจ็บปวดในใจเธอ
I feel the rain  ฉันรู้สึกถึงสายฝนที่หนาวเหน็บ
What happened to you  สิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอนั้น
I can't get to you  ฉันเข้าไปไม่ถึงหรอก
Cause there's a wall  เพราะมีกำแพง
In your heart  ที่เธอสร้างขึ้น (ในใจเธอ)
That no one can get through  และไม่มีใครสามารถผ่านเข้าไปได้
And it's cold and it's dark  มันทั้งหนาวเหน็บและมืดมิด
And you don't have a clue  และเธอก็ไม่ได้บอกอะไรให้ฉันรู้เลย
But this wall it will fall  แต่กำแพงนี้จะทลายลง
If it's the last thing I do  ถ้าหากมันเป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะทำ
I'll get through this wall in your heart  ฉันจะฝ่ากำแพงเพื่อไปอยู่ในหัวใจเธอ
I know your soul  ฉันหยั่งรู้จิตใจของเธอ
I know I'm home  ฉันรู้ว่า ฉันคือบ้านที่อบอุ่น
Just come here to me  เพียงแค่กลับมาหาฉันที่นี่
I'll let you run through me  เพียงแค่คุณวิ่งมาหาฉัน
We'll break down all the troubles we have found  ฉันจะฟันฝ่าอุปสรรค์ทั้งหลายที่เจอะเจอ
And I'll find a way to mend your broken pieces  และฉันจะหาทางสมานใจที่รวดร้าวนั้น
We'll hold hands and be friends  จับมือฉันซิ แล้วเรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ
Until the end and our love will be forever  จนกว่าจะจากกัน และจากนี้ความรักเราก็จะอยู่นิรันดร
คำที่น่าสนใจ

We'll hold hands and be friends = จับมือฉันซิ แล้วเรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ  ประโยคนี้หมายความว่า การจับมือกันนั้นเท่ากับเป็นการหยิบยื่นความรักให้แก่กันและกันแล้ว การเป็นเพื่อนกันนั้น หมายถึงการเป็นเพื่อนคู่ชีวิตประคับประคองชีวิตคู่ให้ตลอดรอดฝั่ง เหมือนดั่งประโยคสุดท้ายตอนจบของเนื้อเพลง


Leaving on a Jet Plane :John Denver
All my bags are packed, I'm ready to go  เก็บของใส่กระเป๋าเดินทาง,เตรียมพร้อมที่จะเดินทาง
I'm standing here outside your door  ฉันกำลังยืนอยู่อีกด้านหนึ่งของประตูเธอ
I hate to wake you up to say good-bye ฉันไม่อยากที่จะปลุกเธอเพื่อกล่าวคำอำลาเลย
But the dawn is breaking, it's early morn แต่ก็ค่อย ๆ ลงมาจากห้องนอน,เพราะเริ่มจะเช้าแล้ว
The taxi's waiting, he's blowing his horn รถแท๊กซี่ซึ่งกำลังรอ,บีับแตร่เร่งเร้า
Already I'm so lonesome I could die ตอนนี้ฉันรู้สึกเหงาแทบจะขาดใจ
So kiss me and smile for me จูบฉันและยิ้มให้ฉันหน่อย
Tell me that you'll wait for me บอกฉันซิว่า เธอจะคอยฉัน
Hold me like you'll never let me go กอดฉันทำเสมือนว่าเธอจะไม่ให้ฉันจากเธอไป
Cause I'm leaving on a jet plane เพราะว่า เครื่องบนจะพาฉันไปจากเธอ
I don't know when I'll be back again ฉันไม่รู้ว่า เมื่อไรฉันจะได้กลับมาอีก
Oh babe, I hate to go โอ ที่รัก, ฉันไม่อยากจากไปเลย
There's so many times I've let you down ก็คงจะมีอยู่หลายครั้งหลายหน ที่ฉันทำให้เธอผิดหวัง
So many times I've played around และก็มีบ่อยครั้งที่ทำให้ไม่สบายใจ
I tell you now, they don't mean a thing ฉันอยากจะบอกเธอตอนนี้ว่า, ฉันไม่ได้ตั้งใจในสิ่งต่าง ๆ นั้น
Every place I go I'll think of you ไม่ว่าฉันจะไปที่ใด ฉันจะคิดถึงเธอเสมอ
Every song I sing I'll sing for you ทุก ๆ เพลงที่ฉันร้อง ฉันจะร้องให้กับเธอ
When I come back I'll wear you a wedding ring เมื่อฉันกลับมา ฉันจะมาพร้อมแหวนแต่งงาน
Now the time has come to leave you ตอนนี้เวลาที่จะต้องพรากจากเธอมาถึงแล้ว
One more time let me kiss you ขอให้ฉันได้จูบลาเธออีกครั้งน๊ะ
And close your eyes and I'll be on my way
และขอให้เธอหลับตาเพื่อฉันจะได้ปฏิบัติต่อเธอตามที่ฉันบอก
Dream about the days to come และฝันถึงวันที่จะต้องกลับมา
When I don't have to leave alone ฝันถึงวันที่ฉันไม่ต้องจากไปคนเดียว
About the times that I won't have to say เหมือนดังเวลานี้ที่ฉันไม่อยากเอ่ยอะไรออกมา
Cause I'm leaving on a jet plane เพราะฉันจะต้องไปโดยเครื่องบิน
I don't know when I'll be back again ฉันไม่รู้ว่า เมื่อไรฉันจะกลับมาอีก
Oh babe, I hate to go โอ ที่รัก, ฉันไม่อยากไปเลบ
ส่วนหนึ่งในเนื้อเพลงมีว่า Every song I sing I'll sing for you
แสดงว่า เขาอาจเป็นนักร้องเช่นเดียวกับเพลงของ Scorpions ในเพลง
Always Somewhere ซึ่งชีวิตนักร้องนักแสดงจะไม่ค่อยมีเวลาให้กับ
คนรักเท่าไรนัก นาน ๆ จึงจะกลับมาหาคนรักสักครั้ง คนรักคงต้องอดทนหน่อย